บทที่ 2 2
“รูมเซอร์วิสค่ะ” นิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนของญาดากดไปที่ปุ่มสัญญาณ กริ่งหน้าห้องสวีต พร้อมกับบอกสถานะของผู้มาเยือน
“......” เงียบไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาหรือว่ามีใครมาเปิดประตูให้ญาดาจึงกดกริ่งอีกครั้ง และอีกครั้ง
“ประตูเปิดอยู่นี่”ญาดาพูดกับตัวเอง เมื่อนัยน์ตาของเธอมองเห็นประตูห้องสวีตปิดไม่สนิท เธอจึงผลักประตูและเข็นรถเข้าไปภายในห้องนั้น ก้าวแรกที่เธอย่างกรายเข้ามากลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว เหม็นจนเธออยากจะอาเจียนออกมา แสดงว่าคาลิเอโปคงดื่มแต่สุราต่างอาหารตามที่ประไพพูดจริงๆ
“เหม็นเป็นบ้าเลย” หญิงสาวบ่น วางแก้วทรงสวย น้ำแข็ง มิกเซอร์และขวดสุราที่โต๊ะเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ มุมห้อง กำลังจะเดินออกไปหลังจากหมดหน้าที่
“ตุ้บ!!” เสียงบางอย่างดังออกมาจากห้องนอน ทำให้ญาดาหันไปมองที่ประตูห้องนั้นอย่างสงสัย
“เสียงอะไร หรือว่าเมาจนหัวทิ่มกับพื้น ตายหรือเปล่าเนี่ย” ญาดาอดเป็นห่วงคนที่อยู่ภายในห้องนอนไม่ได้ คำพูดของประไพที่บอกว่าคาลิเอโปเอาแต่ดื่มสุรา พานคิดไปว่าเสียงที่เธอได้ยินอาจเป็นเสียงของคาลิเอโปที่ลื่นล้มหัวโหม่งพื้น อาจจะมีเลือดนองเต็มพื้น ด้วยความเป็นห่วงญาดาจึงเดินเข้าไปในห้องนอนทันทีอย่างไม่ลังเล
“ว้าย ตายแล้ว!!” เธออุทานเสียงดัง เมื่อเห็นร่างของคาลิเอโปนอน คว่ำหน้าอยู่ที่พื้นพรมข้างๆ เตียงขนาดคิงส์ไซซ์
“คุณคาร์ลคะคุณคาร์ล” ญาดาร้องเรียก พยายามใช้แรงอันน้อยนิดพลิกร่างใหญ่โตให้นอนหงาย เพื่อตรวจดูอาการ
“โอ๊ย!! หนักชะมัด” เธอบ่นหลังจากพยายามสุดความสามารถที่จะพลิกร่างของชายหนุ่มขี้เมาให้หงายขึ้น
“ใครวะ บอกให้ออกไปไง...เหล้ามาหรือยัง...เหล้า ฉันอยากกินเหล้า”
“โอ๊ย!!...จะตายแล้วยังจะห่วงเหล้าอีก จะช่วยดีไหมเนี่ย” ปากบ่นแต่มือและเรี่ยวแรงยังคงทำงานตามเดิม พยายามพลิกร่างของชายหนุ่มให้นอนหงาย สุดท้ายความพยายามของเธอก็เป็นผลสำเร็จ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ หาผ้าขนหนูชุบน้ำสักผืนมาเช็ดใบหน้าของคาลิเอโปที่เธอทำเป็นเพราะสงสาร ไม่มีเจตนาอย่างอื่น
ทันทีที่ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นๆซับไปตามใบหน้าคมสัน ทำให้เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า เธอกำลังใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้าของเขาคาลิเอโปอยากจะปัดผ้าผืนนั้นออก แต่เขาทำไม่ได้เพราะเสียงนี้ต่างหาก
“คุณคาร์ลคะทำไมถึงเมาไม่ได้สติแบบนี้ เปิ้ลเช็ดหน้าให้คุณคาร์ลแล้วนะคะเดี๋ยวเปิ้ลจะสั่งข้าวต้มร้อนๆ มาให้คุณคาร์ลทานนะคะ”
“...แอปเปิล...แอปเปิล กลับมาหาฉันแล้วใช่ไหม...ฉันคิดถึงเธอที่สุดเลย” เขาคว้ากอดร่างของญาดาไว้แน่น นึกว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของวรัญชิญา หญิงสาวคนเดียวที่เขารัก ลำแขนแข็งแรงรัดร่างญาดาจนเธอไม่สามารถหนีออกจากพันธนาการที่รัดแน่นได้ มือนุ่มๆ พยายามดันบ่าแข็งแกร่งของบุคคลที่เมาไม่ได้สติให้ออกห่าง ดูเหมือนว่าคาลิเอโปไม่สนใจแรงที่กระหน่ำทุบเขาไม่หยุด กอดร่างบางแน่นขึ้นกว่าเดิม หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจที่เธอกลับมาหาเขา
“ปล่อยค่ะคุณคาร์ล...เปิ้ลไม่ใช่คนรักของคุณ” น้ำเสียงสั่นๆ หวาดกลัวแบบนี้ทำไมจะไม่ใช่แอปเปิลของเขา ต้องใช่แน่ๆ
“ไม่จริง เธอคือแอปเปิล...แอปเปิลของฉัน” เขาไม่พูดเปล่าระดมจูบไปทั่วทั้งดวงหน้างามด้วยความคิดถึง ถวิลหา คนถูกล่วงเกินถึงกับตัวแข็งทื่อ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดผู้ชาย เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เธอถูกผู้ชายจูบ ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คู่ชีวิต แต่เป็นคนแปลกหน้า หัวใจของหญิงสาวเต้นระส่ำ ตื่นเต้น น่าแปลกที่ไม่มีอาการขยะแขยงเลยแม้แต่น้อย
“อื้อ”ญาดาร้องด้วยความตกใจ เมื่อปากนุ่มถูกปิดด้วยปากหนา อารามตกใจเธอส่งเสียงประท้วง จึงเป็นโอกาสของเขาแทรกซอนปลายลิ้นนุ่มเข้าสำรวจความหวานได้อย่างถนัด เท่านั้นเองสติที่หลงเหลืออยู่เพียงนิดของญาดาก็ขาดผึงคล้ายกับเชือกที่ถูกขึงให้ตึง ก่อนจะโดนตัด เรี่ยวแรงของหญิงสาวถอยร่นเหลือเพียงศูนย์ ความรู้สึกบางอย่างแผ่กระจายเป็นวงกว้าง บิดมวนไปมาที่ช่วงท้อง สมองน้อยๆ ว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก มัวแต่ดื่มด่ำกับจุมพิตที่กระชากวิญญาณของคาลิเอโปกลิ่นแอลกอฮอล์ที่พ่นออกมาจากจมูกโด่ง ร้อนรุ่ม เปรียบเสมือนมนต์สะกดให้เธอไม่อาจต่อต้านได้ กลับกลายเป็นว่าเธอจูบตอบเขา โดยการใช้ปลายลิ้นนุ่มตวัดอย่างไม่เป็นงาน ต่อสู้กับลิ้นหนาที่เจนจัด เขาสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียว หลังจากถูกลิ้นนุ่มทักทายตอบอย่างกล้าหาญ
สติที่ถูกพักงานชั่วคราวถูกดึงกลับมาทันทีที่แผ่นหลังบางสัมผัสกับความเย็นของผ้าปูที่นอนญาดาใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดผลักใบหน้าของเขาที่เคลื่อนไปตามผิวแก้มขาวสวย
“ปล่อยนะ...ฉันไม่ใช่แอปป้ง...แอปเปิลของคุณ” หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงบอกให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำของตัวเอง ไร้ผล เขายังคงซุกซบอยู่ที่ซอกคอขาว สูดดมความหอมที่ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่น สมองที่เคยมืดดำปลอดโปร่งโล่งสบาย จมูกโด่งไซ้ไปตามรอบๆ ลำคอ
“แอปเปิล...ฉันคิดถึงเธอจัง” เขาพึมพำขณะที่เลื่อนใบหน้าต่ำลงไปที่สาบเสื้อชุดทำงานของญาดาหญิงสาวรวบรวมสติ คิดหาทางหนีเอาตัวรอด ‘คิดสิคิด...คิด หาทางเอาตัวรอดสิ...โอ๊ย...ทำไมมันคิดไม่ออกนะ’ หญิงสาวพร่ำบอกพร่ำถามตัวเอง ปกติญาดาเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง ฉลาดทันคน แต่เหตุใดตอนนี้เธอไม่มีสติแม้แต่จะคิด ไม่มีช่วงเวลาที่นึกคิดไตร่ตรองหาทางเอาตัวรอด
ญาดามัวแต่ใช้สมองส่วนน้อยคิดหาทางหนีพ้นอุ้งมือมาร ไม่รู้ตัวเลยว่า กระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกปลดออกทีละเม็ด จนกระทั่งมือใหญ่แยกสาบเสื้อให้แยกออกจากกัน ฝังใบหน้าลงซบนิ่งที่ดอกบัวขนาดมหึมา หลบซ่อนอยู่ในเสื้อในแบบเต็มทรง สีชมพูสดลายลูกไม้ เขาเกาะเกี่ยวตะขอเสื้อในด้วยความชำนาญ ถอดเสื้อในตัวสวยออกอย่างง่ายดาย
“อย่า...ไม่” หญิงสาวพูดออกไปด้วยความตกใจ ตื่นตระหนก เนื่องจากทรวงอกขนาด 38 นิ้ว ถูกปลายลิ้นไล้ไปตามป้านสีชมพูอ่อน ก่อนจะขบเม้มปลายถันด้วยไรฟันคมสะอาด ดูดกลืนราวกับทารกที่ได้รับไออุ่นจากทรวงอกของมารดาเป็นครั้งแรก
“อือ”ญาดาไม่รู้หรอกว่าเสียงที่เธอพยายามร้องออกมานั้นคือเสียงร้องห้ามหรือว่าเสียงครวญคราง ตอนนี้เธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว เพราะกระแส ความซาบซ่าน มันไหลเวียนเข้าไปในกระแสเลือดหมุนเวียนอย่างรวดเร็วจนเธอร้อนรุ่ม ความปรารถนาที่ญาดาไม่เคยรู้จักกำลังก่อเกลียวคลื่นอยู่ที่ใจกลางร่างกายสาว ก่อตัวเกิดเป็นพายุเสน่หา วิ่งขึ้นสูงขึ้นไปยังช่องท้องที่เริ่มบิดมวนเพราะมีความรู้สึกกระสันซ่านเป็นตัวแปร
“คิดถึงเหลือเกิน...แอปเปิลคิดถึงที่สุด” เสียงของเขาพูดอยู่บนยอดภูเขาที่เปียกชุ่มจากฝีมือของเขา มือใหญ่สอดเข้าไปในกระโปรงสั้นเหนือเข่าลูบเล่นลึกเข้าไปในซอกขาด้านใน ถูไปมาด้วยฝ่ามือ เติมความร้อนเข้าไปในร่างกายสาวมากขึ้น มือเล็กปัดมือใหญ่ที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ขอบกางเกงชั้นใน แรงของเธอน้อยเกินไป ทำให้กางเกงชั้นในหลุดเลื่อนต่ำลงจนกระทั่งมันหลุดไปจากเรียวขา สัญญาณอันตรายย่างกรายเข้ามาในความคิดของญาดาทว่าความปรารถนาที่มีมากล้น ส่งผลให้หญิงสาวไร้เดียงสาเช่นเธอ พ่ายแพ้ต่อปากและลิ้นที่ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน รวมทั้งมือแกร่งที่ทำหน้าที่เติมเชื้อไฟ
